ชวนทุกคนไปค้นหาเสน่ห์เมืองสโลว์ไลฟ์ ‘ตะกั่วป่า’ เมืองเล็กๆ ของจังหวัดพังงาที่มีความเรียบง่าย เงียบสงบ จนบางครั้งอาจดูเหงาไปบ้าง แต่กลับมากด้วยเสน่ห์เมืองเก่าที่ทิ้งร่องรอยความรุ่งเรืองในอดีตจากยุคเหมืองแร่ดีบุก เมืองที่ยังคงเห็นวิถีชีวิตแบบเดิมๆ อาหารแบบฉบับเฉพาะถิ่น มีตึกโบราณสไตล์ชิโน-ยูโรเปียน แต่งแต้มด้วยความใหม่ที่ยังคงกลิ่นอายความเก่าของวัฒนธรรมลูกผสมไทย-จีน
พระบรมธาตุเจดีย์บนยอดภูเขาพระพุทธบาทที่เพิ่งอัญเชิญพระศรีบรมธาตุไปประดิษฐานเมื่อวันมาฆบูชาที่ผ่านมา หลังใช้เวลาดำเนินการมากว่า 10 ปี นับตั้งแต่เจาะเสาเข็มต้นแรกเมื่อปี 2554 ปัจจุบันการดำเนินการก่อสร้างยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่เปิดให้ขึ้นชมได้ในช่วงหน้าแล้ง ตัวองค์พระบรมธาตุเจดีย์เป็นศิลปะศรีวิชัย สูง 39 เมตร สื่อถึงความคิดริเริ่มในการก่อสร้างที่มีมาตั้งแต่สมัย ร.3 จนมาสำเร็จเป็นรูปธรรมใน ร.9 ด้านบนยังชมบรรยากาศเมืองตะกั่วป่าโดยรอบได้ด้วย
จากบ้านเก่าอายุ 100 ปีที่มีจิ่มแจ้ หรือลานโล่งกลางบ้าน ถูกแปลงโฉมเป็นคาเฟ่ที่ยังคงโครงสร้างบ้านโบราณสไตล์ชิโน-ยูโรเปียน ด้วยความตั้งใจของ ดร.กฤษฎา ตันสกุล ที่อยากปลุกเมืองที่เงียบเหงาให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง จนคว้ารางวัลชนะเลิศด้านสถาปัตยกรรมจากงานประกวด The International Property Awards ประเภท Leisure Architecture เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา พร้อมเสิร์ฟสารพัดเมนูขนมพื้นเมืองโบราณที่หากินยากจากฝีมือคนเก่าแก่ในท้องถิ่น อาทิ ม่อฉี โกสุ้ย พังเปี๊ยะ บ๊ะจ่าง
ศาลเจ้าเก่าแก่ที่เรียกกันติดปากอีกชื่อว่า โรงพระตลาดใต้ (อ๊ามใต้) เป็นศาลเจ้าแห่งแรกๆ ของตะกั่วป่า ที่สืบทอดประเพณีกินผักมาเกือบ 200 ปี และยังคงเป็นศาลเจ้าหลักจากทั้งหมด 13 แห่งใน อ.ตะกั่วป่า เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านอย่างมากในปัจจุบัน ช่วงเทศกาลถือกินผักของทุกปี ที่นี่จะเป็นศูนย์รวมของร้านอาหารและผู้คน ทั้งในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมบรรยากาศและเข้าร่วมพิธีกรรมต่างๆ กันอย่างคึกคักตลอด 9 วัน 9 คืน อาทิ พิธียกเสาโกเต้ง พิธีแห่พระ ข้ามสะพานสะเดาะเคราะห์
ถัดจากศาลเจ้าพ่อกวนอูไปประมาณ 3 คูหา คือร้านกาแฟน้องใหม่ในย่านเมืองเก่าที่เพิ่งเปิดได้เพียงเดือนเดียว แต่เป็นสาขา 2 ของร้านดอกกาแฟ ณ ตะกั่วป่า ที่เปิดมานานกว่า 10 ปีแล้ว โดดเด่นด้วยตัวร้านขนาดกะทัดรัดสีแดงสะดุดตา ซึ่งอาร์ม เจ้าของร้านตั้งใจจะสะท้อนความเป็นเมืองตะกั่วป่าที่มีวัฒนธรรมของชาวไทยเชื้อสายจีน พร้อมโจทย์หลักในคอนเซปต์ Take Away ในราคาไม่แรง เพื่อให้คนในท้องถิ่นสามารถเข้าถึงได้ และเพิ่มสีสันให้กับย่านเมืองเก่าต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน
อีกหนึ่งคาเฟ่ใหม่ในย่านเมืองเก่า แต่ไม่ใช่น้องใหม่ เพราะเป็นร้านเดิมที่ย้ายมาจากทำเลลับ ณ บ้านบางไทร เพื่อโอกาสทางธุรกิจและเติมชีวิตชีวาให้กับย่านเมืองเก่า ซึ่งเตยกับตั้ม เจ้าของร้านตกแต่งกันเองในสไตล์รัสติก (Rustic Style) ตั้งใจให้มีกลิ่นอายความเป็นเมืองเก่านิดๆ แต่ยังคงบรรยากาศอบอุ่น ช่วงนี้ยังเป็น Soft Opening มีบริการแค่เครื่องดื่มและขนมโฮมเมดที่เตยทำเองทั้งหมด ส่วนอาหารที่มีทั้งเมนูไทยและยุโรปจะเปิดให้บริการหลังเปิดร้านอย่างเป็นทางการวันที่ 26 ก.ค.นี้
เดินทะลุไปด้านหลังของศาลเจ้าแม่กวนอิม ตรงข้ามกับศาลเจ้าพ่อกวนอู จะพบกับอุโบสถเก่าแก่ของวัดหน้าเมือง หนึ่งในวัดเก่าแก่ของ อ.ตะกั่วป่า อายุกว่า 100 ปี ในสภาพดั้งเดิมมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ด้านใน 7 องค์ ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานโดยกรมศิลปากรเมื่อปี 2545 บริเวณใกล้เคียงกันยังมีโบราณวัตถุอย่างหม้อสตีมไอน้ำ ชิ้นส่วนของเรือกลไฟที่เคยใช้ปราบโจรสลัดและขนส่งสินค้าระหว่างตะกั่วป่า ภูเก็ต และปีนัง บ่งบอกว่าบริเวณนี้เคยเป็นลำน้ำใหญ่มาก่อน สะท้อนถึงความเจริญในอดีต
มาตะกั่วป่าทั้งที ไม่ชิมอะไรที่เป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นได้ไง ไส้กรอกตะกั่วป่าคือเมนูพื้นเมืองที่ทำมาจากเนื้อหมู ข้าว ถั่วลิสง และเครื่องแกง คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วไปใส่ในไส้ นำไปย่างบนเตาถ่านให้หอม มีรสชาติหวานปนเผ็ดนิดๆ จากเครื่องแกง โดยร้านไส้กรอกตะกั่วป่าอยู่ตรงข้ามกับศาลเจ้าพ่อกวนอู เป็นสูตรดั้งเดิมที่หากินโดยทั่วไปได้ยากแล้ว แต่ละวันคุณป้าจะทำไม่เยอะ เพื่อขายวันต่อวัน จุดสังเกตของร้านคือฝาซึ้งที่ตั้งบนโต๊ะหน้าบ้าน หากวางอยู่แสดงว่ายังมีขาย ถ้าไม่มีคือหมดแล้วหรือร้านปิด
นอกจากความคลาสสิกของอาคารบ้านเรือนแบบโบราณตามสถาปัตยกรรมชิโน-ยูโรเปียน ที่ตอนนี้ยิ่งดูสวยงามมากขึ้น หลังไร้สารพัดสายระโยงระยางกวนสายตา ร้านค้าเก่าแก่ที่ยังดำเนินการอยู่จนถึงปัจจุบัน เช่น ฮัวหลอง ร้านซ่อมนาฬิกาที่ให้บริการมานานกว่า 50 ปีของแปะหย่องวัย 70 ปี รวมทั้งสตรีตอาร์ตสะท้อนวิถีชีวิตแล้ว ทุกเย็นวันอาทิตย์ยังมีถนนคนเดินที่คลาคล่ำไปด้วยอาหารพื้นเมือง ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น สินค้าที่ระลึกให้ชม ชิม ช้อปมากมายตลอดสองข้างทาง ถ.ศรีตะกั่วป่า ซึ่งปกติจะมีเฉพาะช่วงเดือนพ.ย.-พ.ค. แต่ปีนี้พิเศษขยายเวลาเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี
ขยับออกจากย่านเมืองเก่ามุ่งหน้าไปตลาดย่านยาวทาง ถ.ราษฎร์บำรุง ไม่นานจะเห็น สะพานเหล็กขนาดเล็ก ความยาว 200 เมตรอยู่ด้านขวา หนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญที่บอกถึงเรื่องราวและร่องรอยของการเป็นเมืองแห่งเหมืองแร่ในอดีต ที่ จุติ บุญสูง เจ้าของบริษัทเรือขุดแร่เห็นถึงความลำบากของคนงานและชาวบ้านในการเดินทางระหว่างตัวเมืองตลาดเก่ากับบริษัทฯ ที่ต้องข้ามคลองตะกั่วป่า จึงสร้างสะพานขึ้นเมื่อปี 2508 จากชิ้นส่วนเหล็กของเรือขุดแร่ที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับสัญจรไปมา
ร้านไอศกรีมโฮมเมดหน้าบ้านของ เอ็กซ์ อดีตครูติวเตอร์คณิตศาสตร์ที่วางตำราหันมาเอาดีด้านการทำไอติมเพื่อกลับบ้านมาอยู่กับครอบครัว ด้วยความตั้งใจอยากให้คนในท้องถิ่นเข้าถึงไอศกรีมคุณภาพในราคาไม่แรง มีให้เลือกมากกว่า 20 รสชาติ โดยเฉพาะรสผลไม้ตามฤดูกาล ยกมาเกือบทั้งสวน ทั้งมะม่วงเบาน้ำปลาหวาน มะม่วงน้ำดอกไม้ ทุเรียน มะยม ส้ม สับปะรด กล้วยหอม เสาวรส และจำปาดะ เสิร์ฟมาพร้อมท็อปปิ้งให้เลือกใส่เองตามความชอบ เป็นร้านไอศกรีมโฮมเมดที่รสชาติอร่อยจริงไรจริง
หากจะบอกว่านี่คือแหล่งรวมคอกาแฟก็คงไม่ผิดนัก สำหรับร้านของ โอ๊ต หนุ่มเมืองกรุงที่หลงรักเมืองเล็กๆ ที่เงียบสงบแห่งนี้ ก่อนย้ายมาลงหลักปักฐานเปิดร้านกาแฟเล็กๆ ตามความฝัน พร้อมกับปลุกกระแสวัฒนธรรมการกินกาแฟแนว Slow Bar ของเมืองให้เติบโตแบบก้าวกระโดดในเวลาเพียงไม่กี่เดือน และสร้างตัวตนให้พังงาผ่านการผลิต ‘กาแฟเทพทาโร’ กาแฟตัวแรกของจังหวัดจากไม้หอมประจำถิ่นที่มีคาแรกเตอร์ชัดเจน จนเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ใครมาตะกั่วป่าแล้วก็ต้องลองสักครั้ง
ฮกกี่เหลาคือร้านอาหารไทย-จีนชื่อดังที่อยู่คู่ตะกั่วป่ามานานกว่า 40 ปี สืบทอดสู่ทายาทรุ่นสองในปัจจุบัน เสิร์ฟอาหารเหลาจากวัตถุดิบชั้นดีที่คัดสรรจากทั่วทุกที่ มาปรุงในแบบฉบับตัวเอง ด้วยรสชาติที่เข้ากับคนในพื้นที่ ในราคามิตรภาพ คอนเฟิร์มความอร่อยด้วยมิชลินไกด์ 3 ปีล่าสุด นอกจากเอ็นขาหมูราดหอยเป๋าฮื้อ และเต๋าเต้ยหมอไฟที่เป็นจานเด็ดแล้ว แนะนำแกงส้มยอดมะพร้าวที่เข้มข้นด้วยเครื่องแกงทำเองแบบตะกั่วป่า และเต้าหู้เจี๋ยน ที่ใช้เต้าหู้คลองแงะ (หาดใหญ่) จากกรรมวิธีการทำแบบสมัยโบราณ ที่หลายคนลองแล้วติดใจ
ร้านขนมจีนเจ้าประจำของเรา ณ ตลาดลานโล่ง ตะกั่วป่า กับสโลแกน ‘จานเดียวไม่พอ’ ไม่ใช่เพราะปริมาณน้อย แต่ฟินไปกับผักเหนาะแน่นโต๊ะที่หยิบได้ไม่อั้น ทั้งผักดอง ผักลวก ผักสด ผักเหมียง ผักกูด สับปะรด ปลาจิ้งจ้าง ยกมาเกือบหมดสวน ส่วนน้ำยาก็มีให้เลือกถึง 8 อย่าง ไม่ว่าจะเป็น น้ำยากะทิปลา แกงไตปลา (เข้มข้นได้แรงอก) น้ำยาป่านคร (ไม่ใส่กะทิ) น้ำยากะทิปู แกงเขียวหวานไก่ น้ำยาป่าปลาร้าตีนไก่ น้ำเงี้ยว และน้ำพริกหวาน (ไม่เผ็ด กินเจ กินมังฯ กินได้) กินกับเส้นนุ่มๆ ไม่เติมยังไงไหว
อีกหนึ่งร้านอาหารปักษ์ใต้รสเด็ด การันตีด้วยรางวัลมิชลินไกด์ 3 ปีซ้อนของพี่เอ๋ เจ้าของร้านที่ลงมือทำเอง ตั้งแต่ไปจ่ายตลาดคัดเลือกวัตถุดิบสดใหม่ในแต่ละวัน ไปจนถึงปรุงความอร่อยในทุกจาน ด้วยรสชาติคนใต้กินได้ ภาคอื่นกินดี เมนูที่อยากให้ลองคือ แกงส้มปลายอดมะพร้าว หัวปลาต้มเผือก กุ้งผัดเผ็ดสะตอ กุ้งผัดพริกกระเทียม และไข่เจียวปู ที่มากับเนื้อปูเน้นๆ ที่สำคัญอย่าลืมมองดูเมนูพิเศษประจำวันที่อยู่บนกระดาน ซึ่งขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่ได้มาในแต่ละวัน มาตะกั่วป่าเมื่อไหร่แวะมาลองฝากท้องแล้วจะไม่ผิดหวัง
ห่อหมกปักษ์ใต้ขึ้นชื่อของตะกั่วป่า สูตรต้นตำรับจากอาม่าที่ส่งต่อมาถึงทายาทรุ่น 3 นอกจากรสชาติจัดจ้านถึงเครื่องสไตล์พื้นบ้านแล้ว ตัวเนื้อห่อหมกที่ทำจากเนื้อปลาล้วนแบบไม่มีกั๊ก ประหนึ่งว่า ‘ขาดทุนไม่ว่า ไม่หรอยไม่ได้’ เป็นร้านอร่อยริมทางที่ทั้งคนตะกั่วป่าและพื้นที่ใกล้เคียงถูกปาก จนกลายเป็นของฝากติดไม้ติดมือคนเมืองกรุงที่กลับมาเยี่ยมบ้าน มีให้เลือกทั้งหมด 3 หน้า คือ ห่อหมกเนื้อปลา ห่อหมกหัวปลา (แซลมอน) และห่อหมกไข่เค็ม ใครผ่านมาทาง กศน.ตะกั่วป่า ลองแวะชิมแล้วจะติดใจ
ร้านน้ำชาน่ารักที่มีบาร์ชาในนาม CHUBAICHA เบลนด์ชาตามความชอบและสุขภาพของผู้ดื่ม เป็นสูตรเฉพาะตัวตามคาแรกเตอร์ของแต่ละคน ที่จะกินร้อนก็ได้กินเย็นก็ดี พร้อมให้บริการ cha by you มินิเวิร์กช้อปที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าสร้างสรรค์สูตรเบลนด์ชาด้วยตัวเอง ซึ่งเฟรม กับ บอส เจ้าของร้านหวังจะเปิดใจคนรุ่นใหม่ให้หันมาสนใจการดื่มมาชามากขึ้น ลบภาพกิจกรรมของคนมีอายุมาเป็นเครื่องดื่มที่ดีต่อคนทุกวัย นอกจากชาเบลนด์และเมนูชาอื่นๆ แล้ว ทางร้านยังมีกาแฟ เครื่องดื่มอื่นๆ ขนมพื้นเมือง เบเกอรีและอาหารโฮมเมดจากวัตถุดิบออแกนิกบริการด้วยเช่นกัน
ร้านกาแฟโบราณและติ่มซำแบบฉบับท้องถิ่น เปิดมานานกว่า 30 ปี ตั้งอยู่ในตลาดสด บขส. ขึ้นชื่อเรื่องขนมจีบเหลืองแบบดั้งเดิม แผ่นแป้งบางนุ่ม ซึ่งเหลืออยู่เพียงไม่กี่ร้านในตะกั่วป่า เป็นสูตรเฉพาะที่ถ่ายทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น หากใครมาเช้าหน่อยก็จะมีปาท่องโก๋กินคู่กับสังขยา รสชาติหวานข้นพอดี เมนูข้าวต้มใบตำลึงของที่นี่เป็นข้าวต้มแบบโบราณโรยกระเทียมเจียวหอมๆ อร่อยดี
ล่องเรือชมความหลากหลายทางชีวภาพของคลองสังเน่ห์ คลองสายเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในชุมชนบ้านย่านยาวที่อุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพรรณนานาชนิดสองฝั่งคลอง อาทิ ต้นไทรโบราณอายุนับร้อยปี ต้นจาก ต้นจิก ต้นตีนเป็ดน้ำ หรือเรียกอีกชื่อว่า ต้นสังหลา และสัตว์ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่อย่างงูเขียว งูปล้องทอง งูเหลือม หากโชคดีก็จะเจอนกเงือก สัตว์สงวนที่มากินลูกไทร รวมทั้งนกกระสาและอีกหลายชนิด จนเป็นที่มาของฉายา Little Amazon ที่สำคัญเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวชุมชน
นั่งเรือข้ามฟากจากท่าเรือบ้านน้ำเค็มไปแค่ 10 นาทีคือเกาะคอเขา เกาะเล็กๆ ที่ยังคงความเป็นธรรมชาติ หาดสวยน้ำใสและเงียบสงบมาก ในช่วงคลื่นลมสงบสามารถพายเรือจากแหลมทับแขกไปยังเกาะผ้า ด้วยระยะทางไม่ถึง 2 ก.ม.จากจุดใกล้สุด บนเกาะยังมีเมืองโบราณบ้านทุ่งตึก ที่คาดว่าจะเก่าแก่นับพันปี จากการพบซากโบราณสถาน เทวรูป เศษภาชนะดินเผาของจีนสมัยราชวงศ์ถัง ลูกปัดโบราณ อีกทั้งมีเส้นทางพายเรือศึกษาธรรมชาติ โดยอีกฝั่งหนึ่งของเกาะสามารถมองเห็นเกาะพระทองได้ชัดเจน